บริติช อินเวดชั่น มิวสิค ออฟ เดอะ ซิกตี้ส์ ไลฟ์ อิน แบงคอก 10 พ.ค. 58
|
บริติช อินเวดชั่น มิวสิค ออฟ เดอะ ซิกตี้ส์ ไลฟ์ อิน แบงคอก 16 พฤษภาคม 2558 / 17.00 เมืองไทย จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮ้าส์ @ เซ็นทรัลเวิร์ล ชั้น 8 เทศกาลดนตรีพิเศษนี้เพื่อรำลึกถึงปรากฏการณ์ดนตรีทศวรรษที่หกศูนย์ระดับตำนานที่เรียกว่า เดอะ บริติช อินเวดชั่น เกิดกระแสความคลั่งไคล้ดนตรีป็อปจากอังกฤษที่แผ่ขยายไปทั่วโลก เหล่าศิลปินที่ร่วมแสดงในคอนเสิร์ตสำคัญนี้ทั้งหมดได้ร่วมประสบการณ์ครองโลกดนตรีและมีเพลงฮิตติดท็อป 40 รวมกันมากกว่า 70 เพลง!! เสียงเพลงและรูปลักษณ์ของพวกเขาได้เปลี่ยนวัฒนธรรมป็อปไปตลอดกาล และคราวนี้พวกเขากลับมาฉลองและยกย่องเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายๆเพลงของศตวรรษที่ 20 The Animals - ดิ แอนิมอลส์ เริ่มก่อตั้งที่เมืองนิวคาสเซิ่ล ประเทศอังกฤษในชื่อว่า เดอะ แคนซัส ซิตี้ ไฟว์ -- พวกเขามีอิทธิพลสำคัญต่อวงดนตรีอังกฤษแนวอาร์แอนด์บีในช่วงต้นทศวรรษที่หกศูนย์ ต่อมาในปี 2507 ก็ย้ายไปที่ลอนดอนเพื่อแสวงหาชื่อเสียง ดิ แอนิมอลส์ เป็นที่รู้จักเพราะเสียงเพลงออกบูลส์ กระด้างๆ พวกเขาผสมผสานซิงเกิ้ลป๊อปร็อคหยาบๆเข้าไว้ในอัลบั้มเพลงแบบบูลส์ได้อย่างลงตัว และพวกเขาเป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกาว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริติช อินเวดชั่น 1964 "Baby Let Me Take You Home" (UK #21) 1964 "Gonna Send You Back to Walker" (US #57) 1964 "House of the Rising Sun" (UK #1, US #1) 1964 "I'm Crying" (UK #8, US #19) 1965 "Don't Let Me Be Misunderstood" (UK #3, US #15) 1965 "Bring It On Home to Me" (UK #7, US #32) 1965 "We Gotta Get out of This Place" (UK #2, US #13) 1965 "It's My Life" (UK #7, US #23) 1966 "Inside-Looking Out" (UK #12, US #34) 1966 "Don't Bring Me Down" (UK #6, US #12) The Marmalade - เดอะ มาร์มาเลด เป็นวงป๊อปร็อคจากย่านอีสต์เอนด์ในเมืองกลาสโกว์ของประเทศสก็อตแลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 2504 โดยใช้ชื่อว่า เดอะ เกย์ลอร์ด และต่อมาเปลี่ยนเป็น ดีน ฟอร์ด แอนด์ เดอะ เกย์ลอร์ด ในปี 2509 พวกเขาจึงเปลี่ยนชื่อวงเป็น เดอะ มาร์มาเลด ช่วงเวลาที่วงประสบความสำเร็จมากที่สุดในอันดับเพลงอังกฤษคือระหว่างปี 2511 และ 2515 1968 Lovin Things (UK #6) 1968 Wait For Me Marie-Anne (UK #30) 1968 Ob-La-Di Ob-La-Da (UK #1) 1969 Baby Make It Soon (UK #9) 1969 Reflection of My Life (UK #3, US #10) 1970 Rainbow (UK #3, US #51) 1971 My Little One (UK #15, US #123) 1971 Cousin Norman (UK #6) 1971 Back on the Road (UK #35) 1972 Radancer (UK #6) 1976 Falling Apart at the Seams (UK #9, US #49) Mike Penders Searchers - ไมค์ เพนเดอร์ เป็นนักร้องนำของวง เดอะ เซิร์ชเชอร์ส หนึ่งในวงดนตรีที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่มาจากเมืองลิเวอร์พูลในช่วงต้นทศวรรษที่หกศูนย์ นอกจากนั้นแล้วเขายังเล่นริฟฟ์ด้วยกีต้าร์ริคเคนแบคเคอร์ 12 สายที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าในเพลงฮิตที่แสนโด่งดังอย่าง นีดเดิ้ลส์ แอนด์ พินส์ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้กับดนตรีโฟล์คร็อคจากเวสต์โคสต์อย่าง เดอะ เบิร์ดส ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วย ตลอดอายุของวง เดอะ เสิร์ชเชอร์ส มีผลงานเพลงของนักแต่งเพลงหลายคนเช่น แจ็คกี้ เดอแชนนอน, พี.เอฟ. สโลน, แจ็ค นิตซ์สเช่ และ โทนี่ แฮตช์ ที่พวกเขาทำให้ดังไปทั่วโลก 1963 "Sweets for My Sweet" (UK #1) 1963 "Sweet Nothins" (UK #48) 1963 "Sugar and Spice" (UK #2, US #44) 1964 "Needles and Pins" (UK #1, US #13) 1964 "Ain't That Just Like Me" (US #61) 1964 "Don't Throw Your Love Away" (UK #1, US #16) 1964 "Some Day We're Gonna Love Again" (UK #11, US #34) 1964 "When You Walk in the Room" (UK #3, US #35) 1964 "Love Potion No. 9" (US #3) 1964 "What Have They Done to the Rain" (UK #13, US #29) 1965 "Bumble Bee" (UK #21) 1965 "Goodbye My Love" (UK #4, US #52) 1965 "He's Got No Love" (UK #12, US #79) 1965 "When I Get Home" (UK #35) 1965 "Take Me For What I'm Worth" (UK #20, US #76) 1966 "Take It Or Leave It" (UK #31) 1966 "Have You Ever Loved Somebody?" (UK #48, US #94) 1967 "Western Union" (US #115) 1971 "Desdemona" (US #94) Spencer Davis - เดอะ สเปนเซอร์ เดวิส กรุ๊ป มีซิงเกิ้ลอาร์แอนด์บีฮิตๆหลายเพลงในทศวรรษที่หกศูนย์ และยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวงที่เริ่มต้นอาชีพในวงการเพลงให้กับศิลปินร็อคตัวพ่อ สตีฟ วินวู้ด อีกด้วย โด่งดังจากประเทศเวลส์ สเปนเซอร์ ตั้งวงสเปนเซอร์ เดวิส กรุ๊ปในปี 2506 ผลิตเพลงฮิตติดท็อป 10 นับสิบเพลงเป็นตัวช่วยนำเพลงร็อคแอนด์โรลจากอังกฤษสู่ส่วนอื่นๆของโลก 1964 I Can't Stand It (UK #47) 1965 Every Little Bit Hurts (UK #41) 1965 Strong Love (UK #44) 1965 Keep On Running (UK #1, US #76) 1966 Somebody Help Me (UK #1, US #47) 1966 When I Come Home (UK #12) 1966 Gimme Some Lovin' (UK #2, US #7) 1967 I'm A Man (UK #9, US #10) 1967 Time Seller (UK #30, US #100) 1967 Mr Second Class (UK #35) 1968 Looking Back (US #100) The Tremeloes - ในวันปีใหม่ปี 2505 บริษัทแผ่นเสียงเดคค้าทดสอบวงดนตรี 2 วงที่สตูดิโอของบริษัทในลอนดอน วงแรกคือ เดอะ ทรีเมโลส์ จากย่านเอสเซ็กทางตอนเหนือของลอนดอนที่พอมีชื่อเสียง และวงดนตรีสี่คนที่ไม่มีใครรู้จักจากเมืองลิเวอร์พูล เดอะ บีทเติ้ลส์ ซึ่งบริษัทเดคค้าเลือกเซ็นสัญญากับ เดอะ ทรีเมโลส์ เพราะการแต่งตัวแบบคนลอนดอนดูแล้วพวกเขาน่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่า ถ้าจะว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ดีอาจจะดูน้อยกว่าความเป็นจริง แต่เดอะ ทรีเมโลส์ก็ยังผลิตเพลงฮิตให้กับบริษัทเดคค้ามากมายหลายเพลงในอันดับท็อป 40 ของอังกฤษ 1963 "Twist and Shout" (UK #4) 1963 "Do You Love Me" (UK #1) 1963 "I Can Dance" (UK #31) 1964 "Candy Man" (UK #6) 1964 "Someone Someone" (UK #2, US #97) 1964 "Twelve Steps to Love" (UK #32) 1965 "Three Bells" (UK #17) 1965 "I Want Candy" (UK #25) 1967 "Here Comes My Baby" (UK #4, US #13) 1967 "Silence is Golden" (UK #1, US #11) 1967 "Even the Bad Times Are Good" (UK #4, US #36) 1967 "Be Mine" (UK #39) 1968 "Suddenly You Love Me" (UK #6, US #44) 1968 "Helule Helule" (UK #14) 1968 "My Little Lady" (UK #6) 1968 "I Shall Be Released" (UK #29) 1969 "Hello World" (UK #14) 1969 "(Call Me) Number One" (UK #2) 1970 "By the Way" (UK #35) 1970 "Me and My Life" (UK #4) 1971 "Hello Buddy" (UK #32) The Troggs - อีกหลายทศวรรษนับจากนี้เมื่อนักศึกษาดนตรีสืบค้นหาต้นกำเนิดดนตรีพั๊งค์ร็อค พวกเขาจะพบทางสายหนึ่งนำตรงไปสู่วงดนตรีในกลุ่มบริติช อินเวดชั่นชื่อ เดอะ ทร็อกส์ ที่จริงแล้ว เดอะ ทร็อกส์ เล่นดนตรีทั้งฮาร์ดร็อคและอัลเทอร์เนทีฟระหว่างเวลากว่า 45 ปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เดอะ ทร็อกส์ -- เป็นชื่อที่ย่อมาจากชื่อเดิมของพวกเขาคือ เดอะ ทร็อกโลไดต์ส (หมายถึง มนุษย์ถ้ำ) -- ก่อตั้งในปี 2507 1966 Wild Thing (UK #2, US #1) 1966 With A Girl Like You (UK #1, US #29) 1966 I Can't Control Myself (UK #2, US #43) 1966 Any Way That You Want Me (UK #8) 1967 Give It To Me (UK #12) 1967 Night Of The Long Grass (UK #17) 1967 Hi Hi Hazel (UK #42) 1967 Love Is All Around (UK #5, US #7) 1968 Little Girl (UK #37) 1968 You Can Cry If You Want To (US #120) 1975 Good Vibrations (US #102) ด้วยความตั้งใจของ ฟิโก้ คอร์เปอเรชั่น และ มิวส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป พร้อมด้วยผู้สนับสนุนทั้งหมด เป็นจุดมุ่งหมายของเราที่จะจัดงานฉลองให้กับแฟนเพลงที่รักเพลงป๊อป เพลงร็อคทศวรรษที่หกศูนย์จากอังกฤษเพื่อให้ดนตรีและความทรงจำยังคงอยู่ต่อไป
และเราหวังว่าคุณจะไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเชิญไปที่ http://www.facebook.com/MEGThailand
|
|
|